Course GMAT/GRE
£0About this course
Our GMAT Intensive course is a 38 hours of classroom instruction (19 verbal and 19 math). You can take the free GMAT practice test with us, including the teacher’s comments. Our GMAT class is the best course for you who want to get into the best MBA course around the world. Our course is taught by instructors with PhD, M.Ed. and more.
GMAT คืออะไร?
GMAT หรือ Graduate Management Admission Test เป็นการสอบเพื่อวัดความรู้ทางด้านภาษาอังกฤษ (Verbal) คณิตศาสตร์ (Quantitative) และความสามารถในการเขียนเชิงวิเคราะห์ (Analytical Writing Assessment) ซึ่งเป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับความสำเร็จในการศึกษาด้านธุรกิจและบริหาร ดังนั้นคะแนน GMAT จึงเป็นส่วนหนึ่งที่สถาบันทางการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสหรัฐอเมริกา ใช้ในการพิจารณารับนักศึกษาระดับปริญญาโทด้านบริหาร และธุรกิจ เช่น MBA, M.S. Marketing, M.S. Finance เป็นต้น นอกจากนี้ บางสถาบันในประเทศออสเตรเลีย อังกฤษ นิวซีแลนด์ แคนาดา รวมทั้งประเทศไทย ก็กำหนดให้ GMAT เป็นคุณสมบัติอย่างหนึ่งในการสมัครเรียนต่อด้านบริหาร และธุรกิจ เช่นกัน ACT เป็นองค์กรที่มีชื่อเสียงด้านการพัฒนาการสอบแบบคอมพิวเตอร์ เป็นผู้พัฒนาการสอบ GMAT และ Pearson VUE ซึ่งเป็นผู้นำในระดับโลกด้านการบริหารจัดการการสอบแบบที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นผู้ดำเนินการสอบ (Computer-Adaptive) ดังนั้น ในปัจจุบันการสอบ GMAT จะเป็นการสอบที่ดำเนินการในรูปแบบของการสอบกับคอมพิวเตอร์ (Computer-Adaptive) เท่านั้น โดยไม่มีการสอบแบบกระดาษ (Paper-based)
ลักษณะข้อสอบ GMAT
GMAT เป็นข้อสอบแบบเขียนบทความ (Essay Writing) และปรนัย (Multiple-Choice) GMAT ซึ่งทั้งสองอย่างเป็นการสอบแบบ Computer-Adaptive Test (CAT) และประกอบไปด้วย 3 ส่วน คือ:
- Analytical Writing Assessment : เป็นการเขียน essay 2 บทความ โดยมีเวลาให้บทความละ 30 นาที ซึ่งต้องทำด้วยคอมพิวเตอร์เท่านั้น
- Quantitative Section: เป็นการทดสอบทางด้านคณิตศาสตร์ 37 ข้อ แบ่งเป็น 2 รูปแบบคือ Data Sufficiency และ Problem Solving โดยมีเวลาให้ทั้งหมด75 นาที
- Verbal Section: เป็นการทดสอบทางด้านภาษาอังกฤษ 41 ข้อ แบ่งเป็น 3 รูปแบบ คือ Reading Comprehension, Critical Reasoning และ Sentence Correction โดยมีเวลาให้ทั้งหมด 75 นาที
***ระดับความยากของข้อสอบในแต่ละข้อจะไม่เท่ากัน หากผู้สอบตอบถูกในข้อแรก ระดับความยากของข้อถัดไปจะเพิ่มขึ้น แต่หากผู้สอบตอบผิด ระดับความยากในข้อถัดไปจะลดลง*** ระดับคะแนน GMAT มีคะแนนตั้งแต่ 200-800 คะแนน ผู้สอบที่ต้องการศึกษาต่อทางด้านบริหาร และธุรกิจ ส่วนใหญ่ควรมีคะแนนอย่างน้อย 650 คะแนนขึ้นไป *** ผลการสอบ GMAT สามารถเก็บไว้ใช้ได้เป็นเวลา 5 ปี***
การสมัครสอบ
ปัจจุบันผู้สอบสามารถสมัครสอบ GMAT ได้ในแบบ online หรือทางโทรศัพท์ สำหรับการสมัครสอบแบบ online ผู้สอบสามารถตรวจสอบสถานที่สอบ วันเวลาในการสอบ และที่นั่งในการสอบที่ยังว่างอยู่ได้ที่ www.mba.com/mba/takethegmat
ศูนย์สอบ GMAT ในประเทศไทย มี 2 แห่งด้วยกันคือ
- กรุงเทพฯ: Pearson Professional Centers (Center ID: 50507) Bangkok Business Building, Level 10 Unit 1010, 54 สุขุมวิท 21 กรุงเทพ 10110 Tel: +66 2 664 3563
- เชียงใหม่: A&A NEO TECHNOLOGY (Center ID: 51272) 248/55-56 ถนนมณีนพรัตน์ ศรีภูมิ เมือง, จังหวัดเชียงใหม่, 50200 Tel: +66 53 227 500-2
ค่าใช้จ่ายในการสอบ
ประมาณ 250 US Dollar (อ้างอิงจากปี 2007)
GRE คืออะไร?
GRE หรือ Graduate Recoed Examination เป็นการสอบวัดเชาวน์ปัญญาทั่วไป สำหรับผู้ต้องการเรียนต่อในระดับสูงกว่าปริญญาตรี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในประเทศสหรัฐอเมริกา และแคนาดา แต่ยกเว้นในกลุ่ม Business School ที่ใช้คะแนน GMAT และ กลุ่ม Law School ที่ใช้คะแนน LAST ในการยื่นสมัคร ทั้งนี้ GRE นั้น เป็นหนึ่งในผลสอบที่ทางมหาวิทยาลัยยอมรับ และใช้ในการพิจารณาผู้สมัครเข้าศึกษาต่อ การยื่นผลสอบ GRE แก่ทางมหาวิทยาลัยทำให้ผู้ผ่านการสอบ มีโอกาสในการได้รับเลือกเข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยมากขึ้น
ลักษณะข้อสอบ
GRE เป็นข้อสอบแบบปรนัย (Multiple-Choice) และเขียนบทความ (Essay Writing)
ข้อสอบแบบปรนัย (Multiple-Choice) จะแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ:
- Quantitative Section: เป็นการทดสอบทางด้านคณิตศาสตร์ 28 ข้อ โดยให้ใช้เวลาทำทั้งหมด 45 นาที
- Verbal Section: เป็นการทดสอบทางด้านภาษาอังกฤษ 30 ข้อ โดยให้ใช้เวลาทำทั้งหมด 30 นาที
- Analytical Reasoning: เป็นการทดสอบความสามารถในเชิงวิเคราะห์ 35 ข้อ โดยให้ใช้เวลาทำทั้งหมด 60 นาที
ข้อสอบแบบเขียนบทความ (Essay Writing): GRE เพิ่งนำการสอบแบบนี้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการทดสอบ เมื่อเดือนตุลาคม 1999 การสอบนี้จะสอบคนละวันกับการสอบแบบปรนัย ซึ่งในแต่ละสาขาวิชาจะต้องการข้อเขียนที่แตกต่างกันไป ดังนั้น ผู้สอบจึงต้องเลือกว่า จะสอบเพื่อนำไปใช้เรียนต่อในสาขาวิชาใด เพื่อจะได้ทำข้อสอบให้ตรงกับความต้องการของสาขาวิชานั้นๆ ในการสอบแบบนี้ จะมีคำถาม 2 คำถามให้ทำ โดยส่วนแรกจะเป็นการให้ออกความเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน โดยให้ใช้เวลาทำ 45 นาที ส่วนที่สองจะให้เราวิเคราะห์ ความเป็นเหตุ และผลในข้อเขียนที่อ่าน โดยให้ใช้เวลาทำ 30 นาที
การสอบ GRE มีอยู่ 2 รูปแบบคือ
- การสอบทั่วไป (General Test) เป็นการสอบเพื่อวัดทักษะของผู้สอบที่มีอยู่ โดยวัดออกมาในรูปของคะแนนของความสามารถทางภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ และความสามารถในเชิงวิเคราะห์ การสอบใช้เวลา 3 ชั่วโมง 30 นาที
ปัจจุบัน ในประเทศไทยได้เปลี่ยนรูปแบบการสอบ มาใช้คอมพิวเตอร์ในการสอบ (Computer Adaptive Test หรือ CAT) ซึ่งทำให้สามารถสมัครสอบได้มากกว่า 20 วัน ต่อเดือน และยังรู้ผลสอบได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย
- การสอบเฉพาะวิชาสาขา (Subject Test) เป็นการสอบเกี่ยวกับวิชาหลัก ในสาขาที่ผู้สอบต้องการเข้าศึกษาต่อ ซึ่งจะมีทั้งหมด 16 วิชา โดยที่ผู้สอบต้องตรวจสอบจากระเบียบการเข้าศึกษาต่อของแต่ละสถาบันว่า ต้องการผลคะแนนการสอบ Subject Test หรือไม่ ถ้าไม่ได้ระบุไว้ จะหมายถึงการแบบ General Test เท่านั้น
ระดับคะแนน
ระดับคะแนนของ GRE ในแต่ละส่วนเนื้อหา มีดังนี้:
- Quantitative Section มีคะแนนตั้งแต่ 200-800 คะแนน
- Verbal Section มีคะแนนตั้งแต่ 200-800 คะแนน
- Analytical Reasoning มีคะแนนตั้งแต่ 0-6 คะแนน
GRE จะเป็นการรายงานผลคะแนนสำหรับ 3 ครั้งล่าสุด มหาวิทยาลัยบางแห่งอาจจะพิจารณาเฉพาะผลคะแนนครั้งที่ดีที่สุด แต่บางแห่งอาจจะพิจารณาคะแนนเฉลี่ยของทั้ง 3 ครั้ง หรือบางแห่งก็อาจจะพิจารณาจากพัฒนาการของนักศึกษาจากผลคะแนนในแต่ละครั้ง
**การสอบ GRE จะไม่มีคะแนนติดลบเหมือน GMAT**
**สถาบันส่วนใหญ่ จะพิจารณาคะแนนในส่วนของ Verbal และ Quantitative และผลสอบ GRE สามารถใช้ได้ 3-5 ปี ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของแต่ละสถาบันการศึกษา**
การสมัครสอบ
ปัจจุบันผู้สอบสามารถสมัครสอบ GRE ได้ในแบบ online และผู้สอบสามารถ ตรวจสอบสถานที่สอบ วันเวลาในการสอบ และที่นั่งในการสอบที่ยังว่างอยู่ได้ที่ www.gre.org
ค่าใช้จ่าย
ประมาณ 170 US Dollar